สัปดาห์ที่ 12


การเลือกและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน

คำว่าสื่อ (medium หรือ Media) ในที่นี้มีความหมายกว้างมาก การเรียนการสอนในบางครั้งอาจเกิดขึ้นจากเสียง
ของผู้สอน ตำราเทป วีดีทัศน์ ภาพยนตร์ และคอมพิวเตอร์ medium หรือ media มาจากภาษาละติน หมายถึง
บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ตรงกลาง (intermediate หรือ middle) หรือเครื่องมือ
สื่อจึงหมายถึงสิ่งที่เป็นพาหะนำความรู้หรือสารสนเทศจากแหล่งกำเนิดไปสู่ผู้รับเช่นวิทยุ โทรทัศน์
ภาพยนตร์ รูปภาพวัสดุฉาย สิ่งพิมพ์ และสิ่งดังกล่าวนี้เมื่อนำมาใช้ในการเรียนการสอนเรา เรียกว่า สื่อการเรียนการสอน
1. บทบาทของผู้ออกแบบ
ผู้ออกแบบมีหน้าที่หลายอย่างที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์ในระหว่างขั้นตอนการตัดสินใจในระยะนี้ผู้ออกแบบมีหน้า
ที่เป็นผู้ตัดสินใจเลือกวิธีการสื่อเช่นเดียวกับตำรวจที่มองเห็นว่าคำแนะนำในการออกแบบการเรียนการสอนนำไป
ใช้ได้ หรือเป็นเหมือนผู้จัดการผู้ซึ่งริเริ่ม และประเมินผลผลิต ในบทนี้จะเกี่ยวกับบทบาทของผู้ออกแบบที่มองเห็น
การเลือกวิธีการสื่อที่มีประโยชน์เราจะเลือกสื่ออย่างไร จะรับวัสดุอุปกรณ์ทางการค้าอย่างไร และจะริเริ่มและต้น
ระหว่างกระบวนการผลิตอย่างไร
ผู้ออกแบบต้องจำกัดบทบาทในการทำหน้าที่ ต้องสามารถปฏิบัติให้แล้วเสร็จและมีประสิทธิภาพ ต้องรับรู้การ
กระทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตสื่อ ผู้ถ่ายภาพ หรือผู้วางโปรแกรมด้วย และเป็นการท้าทายสำหรับผู้ออกแบบในการที่จะ
พยายามทำให้ผู้อื่นเข้าใจได้ โดยลำพังตนเองแล้วไม่สามารถที่จะผลิตสื่อได้ทั้งหมดหรืออาจต้องการคำแนะนำเพิ่ม
จากผู้ร่วมงานในทีมมากกว่าที่จะทำคนเดียว ความรับผิดชอบที่จำเป็นคือ การตัดสินใจเลือกวิธีการสืบในขณะที่สมาชิก
ของทีมหรือผู้นำทีมเริ่มหรือแนะนำกระบวนการผลิต ผู้ออกแบบจะทำในสิ่งนี้ได้ดีถ้ารู้จักทำหน้าที่ในลักษณะของผู้วิจัย
ผู้เขียนสคริป ผู้ถ่ายภาพ หรือผู้เรียบเรียง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าไม่เคยผลิตหรือไม่เคยช่วยเรียบเรียงแต่
หมายความว่า รับรู้หน้าที่ในการให้คำแนะนำและจำกัดทักษะตัวอย่างเช่น มีการพัฒนาทักษะกระบวนการกลุ่มมากขึ้น
และใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นกว่าทักษะด้านการถ่ายภาพ

2. ประเภทของสื่อ
1. สื่อทางหู ได้แก่ เสียงของผู้ฝึก ห้องปฏิบัติการทางเสียง การเตรียมเทปสำหรับผู้ฝึกเทป แผ่นเสียง วิทยุกระจายเสียง
2. สื่อทางตา ได้แก่ กระดานชอล์ค กระดานแม่เหล็ก กราฟ คอมพิวเตอร์ วัสดุต่างๆที่เป็นของจริง รูปภาพ แผนภูมิ
กราฟถ่ายภาพ ผมสำรอง สิ่งที่ครูแจกให้ หนังสือ ฟิล์ม สไลด์ แผ่นใส
3. สื่อทางหูและทางตา ได้แก่ เทปวีดีโอ ทีวีวงจรปิด โปรแกรมโสตทัศนวัสดุ สไลด์ เทป
ภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม ทีวีทั่วไป เทคโนโลยีอื่นอื่นเช่น ดิจิตอล วีดิโอ อินเตอร์เน็ตแอคทิฟเทคโนโลยี (digital vedio interactive technology)
4. สื่อทางสัมผัส ได้แก่ วัตถุของจริง แบบจำลองในการทำงาน เช่น ผู้แสดงสถานการณ์จำลอง

การตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการ
การตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการและสื่อบางครั้งเกิดขึ้นพร้อมพร้อมกัน ในบางเวลาจะเลือกวิธีการก่อน และเลือกสื่อที่
จำเป็นในการใช้ทีหลัง ดูแกน เลียด (Dugan laird:180) เปรียบเทียบวิธีการเป็นเหมือนทางหลวง (Highway)
ที่จะนำไปสู่จุดหมายปลายทาง (จุดประสงค์) และสื่อ (วัสดุฝึก) เป็นสิ่งที่เพิ่มเติม (accessories)บนทางหลวง
เช่น สัญญาณ แผนที่ ซึ่งจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น
ออซูเบล(Ausubel,1968) กล่าวว่า มีความแตกต่างระหว่างวิธีการสำคัญ 2 วิธี คือ การเรียนรู้เพื่อค้นพบ
( Diacovery leaning) รายการเรียนรู้เพื่อรับความคิด (Reception leaning)

1. การเรียนรู้เพื่อรับความคิดคือ การเรียนรู้จากการบรรยาย หรือการเรียนรู้จักโสตทัศนูปกรณ์ ซึ่งเสนอสารสนเทศ
2. การเรียนรู้เพื่อค้นพบคือ การสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนมีอิสระที่จะสำรวจ และไม่ได้กำหนดจุดหมายปลายทาง
ของการเรียนรู้ไว้ล่วงหน้า การเรียนรู้เพื่อค้นพบมีองค์ประกอบทั้งการค้นพบและการรับรู้ที่มากไปกว่าการที่จะบอก
แต่เพียงนักเรียนจะต้องเรียนอะไร นักเรียนจะได้รับคำแนะนำซึ่งจะนำไปสู่การค้นพบ ออซูเบลเชื่อว่าวิธีการจะกลาย
เป็นสิ่งที่มีความหมาย

3. การตัดสินใจเกี่ยวกับสื่อ
สื่อเป็นวิธีการซึ่งมีการนำเสนอสารสนเทศและแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ในขณะที่สื่อเป็นคำที่ใช้อ้างถึงแบบของ
การเรียนการสอน ( mode of delivery)จึงเป็นความจำเป็นที่จะต้องมีวัสดุอุปกรณ์ที่จะส่งผ่านแบบ
การเรียนการสอนนั้น ในป่าเป็นความจำเป็นทั้งส่วนที่เป็นอุปกรณ์(Hardware)และส่วนที่เป็นวัสดุ(Software)
สำหรับการเรียนรู้ที่ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์เป็นฐานเช่นเดียวกันกับสื่อโทรทัศน์ที่ต้องอาศัยโปรแกรมเป็นฐาน
การตัดสินใจเกี่ยวกับสื่อสามารถทำได้ก่อนทำตามหลังหรือทำไปพร้อมๆกันกับการการตกลงเกี่ยวกับวิธีการ
โดยทั่วๆไปแล้ว จะทำตามหลังหรือทำไปพร้อมๆกัน การบรรยายอาจจะต้องการองค์ประกอบของสื่อของโปรแกรม
โทรทัศน์ในสมัยก่อนวัสดุประกอบส่วนใหญ่จะเป็นสื่อประเภทสิ่งพิมพ์

แบบจำลองการเลือกสื่อ
แบบจำลองการเลือกสื่อการเรียนการสอนมีหลายแบบ สำหรับการพิจารณาแต่ละแบบจะมีวิธีการเลือกสื่อที่แตกต่างกัน
สิ่งที่น่าสังเกตคือ แต่ละแบบมีความต่างกันอย่างไร และพิจารณาว่ามีอะไรเป็นนัยของความแตกต่าง แต่ละแบบจำลอง
พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการเลือกและการใช้ประโยชน์จากวัสดุ

แบบจำลองของวิลเลี่ยม ออเลน

แบบจำลองของวิลเลี่ยม ออเลน (William allen) ผู้ออกแบบการเรียนการสอนต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการจำแนก
จุดประสงค์ในการจำแนกความสามารถสูงสุดของสื่อการเรียนการสอนที่จะพลิกแพลงให้เข้ากับจุดประสงค์ ออเลน
ได้ตรวจสอบประสิทธิผลสื่อสำหรับวัดชนิดของการเรียนรู้ด้วยเหตุนี้ ออเลน ได้สร้างตารางแจกแจงสองทาง ซึ่งจำแนก
สื่อที่ให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง ปานกลาง ต่ำ ตามชนิดของการเรียนรู้ เมื่อใช้แบบจำลองนี้ผู้ออกแบบความพยายาม
หลีกเลี่ยงสืบให้ผลสัมฤทธิ์ต่ำกับชนิดของการเรียนรู้(allen,1967 : 27-31) อย่างไรก็ตามถ้าผู้ออกแบบเลือกสื่อที่ให้
ผลสัมฤทธิ์ต่ำหรือปานกลาง ผู้ใช้ควรรับรู้ข้อจำกัด
วิธีการที่แสดงด้วยภาพ สามารถที่จะช่วยให้เห็นกระบวนการของการตรวจสอบจุดประสงค์ และตัดสินใจว่าสื่อชนิดใดมีความเหมาะสม

แบบจำลองของเยอร์ลาชและอีลี
แบบจำลองของเยอร์ลาชและอีลี (Gerlanch and Ely) ได้เป็นที่รู้จักกันในปีค. ศ. 1971 ในตำราที่ชื่อว่าการสอนและสื่อ
เยอร์ลาชและอีลี ได้นำเสนอเกณฑ์ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ในการเลือกสื่อการเรียนการสอน หลังจากที่ระบุจุดประสงค์
และระบุพฤติกรรมความพร้อมที่จะรับการสอน(behaviors) แล้วเกมดังกล่าวประกอบด้วย
-ประการที่ 1 ความเหมาะสมทางปัญญา (สื่อสามารถส่งผ่านตัวกระตุ้นตามเจตนารมณ์ของวัตถุประสงค์หรือไม่)
-ประการที่ 2 ระดับความเข้าใจ (สื่อทำให้ผู้เรียนเข้าใจหรือไม
-ประการที่ 3 ราคา
-ประการที่ 4 ประโยชน์ (เครื่องมืออุปกรณ์และวัสดุมีประโยชน์หรือไม่)
-ประการที่ 5 คุณภาพทางเทคนิค (คุณลักษณะทางการฟังและการดูของการผลิตมีคุณภาพเพียงพอหรือไม่)

powerpoint เรื่อง การเลือกเเละพัฒนาสื่อการเรียนการสอน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

(สัปดาห์ที่ 7)โมเดล

โมเดลที่ 1 สภาพเเวดล้อมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ             สภาพแวดล้อมทางการเรียน (Learning Environment)  หมายถึง สภาวะใดๆ ที่ม...