รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
เทคนิค/วิธีการสอน
|
ทักษะ/พฤติกรรมที่มุ่งเน้น
|
บทบาทผู้เรียน
|
1.กระบวนการสืบค้น(Inquiry Process)
|
-การศึกษาค้นคว้า
-การเรียนรู้กระบวนการ
-การตัดสินใจ
-ความคิดสร้างสรรค์
|
ศึกษาค้นคว้าเพื่อสืบค้นข้อความรู้ด้วยตนเอง
|
2.การเรียนรู้แบบค้นพบ(Discovery Learning)
|
-การสังเกต การสืบค้น
-การใช้เหตุผล การอ้างอิง
-การสร้างสมมติฐาน
|
ศึกษาค้นคว้าข้อความเเละขั้นตอนการเรียนรู้ด้วยตนเอง
|
3.การเรียนแบบ แก้ปัญหา(Problem-solving)
|
-การศึกษาแบบค้นคว้า
-การวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่าข้อมูล
-การลงข้อสรุป
-การแก้ปัญหา
|
ศึกษาแก้ปัญหาอย่างเป็นกระบวนการและฝึกทักษะการเรียนรู้ที่สำคัญด้วยตนเอง
|
4.การเรียนแบบสร้างแผนผังความคิด(Concept Mapping)
|
-การคิด
-การจัดระบบความคิด
|
จัดระบบความคิดของตนให้ชัดเจน เห็นความสัมพันธ์
|
5.การตั้งคำถาม(Questioning)
|
-กระบวนการคิด
-การตีความ
-การไตร่ตรอง
-การถ่ายทอดความคิด ความเข้าใจ
|
เรียนรู้จากการคิดเพื่อสร้างข้อคำถามและคำตอบด้วยตนเอง
|
6.การศึกษาเป็นรายบุคคล(Individual Study)
|
-การศึกษาค้นคว้าข้อความรู้
-การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
-ความรับผิดชอบ
-การตอบคำถาม
|
เรียนรู้อิสระด้วยตนเอง
|
7.การจัดการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยี(Technilogy-Related Instruction)
|
-การแก้ปัญหา
-การนำความรู้ไปใช้
-การเรียนรู้ที่ต้องการผลการเรียนรู้ทันที
-การเรียนรู้ตามลำดับขั้นตอน
-บทเรียนสำเร็จรูป
-คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
-e-learning
|
เรียนรู้ด้วยตนเองตามระดับความรู้ความสามารถของตนมีการแก้ไขฝึกซ้ำเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเเละความเชี่ยวชาญ
|
8.การอภิปรายกลุ่มใหญ่(Whole-Class Discussion)
|
-การแสดงออกความคิดเห็น
-การวิเคราะห์
-การตีความ
-การสื่อความหมาย
-ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
-การสรุปความ
|
มีอิสระในการเเสดงความคิดเห็น มีบทบาทส่วนร่วมในการสร้างข้อความรู้
|
9.การอภิปรายกลุ่มย่อย(Small-Group Discussion)
9.1เทคคิคคู่คิด(Think Pair-share)
9.2-เทคนิคการระดมพลังสมอง(Brainstorming)
9.3เทคนิค Buzzing
9.4การอภิปรายกลุ่มแบบต่างๆ
9.5กลุ่มติว
|
-กระบวนการกลุ่ม
-การวางเเผน
-การแก้ปัญหา
-การตัดสินใจ
-ความคิดระดับสูง
-ความคิดสร้างสรรค์
-การแก้ไขข้อขัดเเย้ง
-การสื่อสาร
-การประเมินผลงาน
-การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้
-การค้นคว้าหาคำตอบ
-การเเลกเปลี่ยนความคิดเห็น
-การมีส่วนร่วม
-การแสดงความคิดเห็น
-ความคิดสร้างสรรค์
-การค้นคว้าหาคำตอบด้วยเวลาจำกัด
-การสื่อสาร
-การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
-การสรุปข้อความ
-การฝึกซ้ำ
-การสื่อสาร
|
รับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ของตนในฐานะผู้นำกลุ่มหรือสมาชิกกกลุ่มทั้งในบทบาทการทำงานเเละบทบาทเกี่ยวกับการรวมกลุ่ม ในการสร้างข้อความรู้สึกหรือผลงานกลุ่ม
รับผิดชอบการเรียนร่วมกับเพื่อน
เเสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายในเวลารวดเร็ว
เเสดงความคิดเห็นเพื่อหาข้อสรุปในเวลาจำกัด
รับฟังความคิดเห็นเพื่อหาข้อสรุปในเวลาจำกัด
ทบทวนจากเรียนเพิ่มเติม
|
10.การฝึกปฏิบัติการ
|
-การค้นคว้าหาความรู้
-การรวบรวมข้อมูล
-การแก้ปัญหา
|
ศึกษาค้นคว้าความรู้ในลักษณะกลุ่มปฏิบัติการ
|
11.เกม(Games)
|
-การคิดวิเคราะห์
-การตัดสินใจ
-การแก้ปัญหา
|
ได้เล่นเกมด้วยตนเองภายใต้กติกาที่กำหนด ได้คิดวิเคราะห์พฤติกรรมเเละเกิดความสนุกสนานในการเรียนรู้
|
12.กรณีศึกษา(Case Studies)
|
-การค้นคว้าหาความรู้
-การอภิปราย
-การวิเคราะห์
-การแก้ปัญหา
|
ได้ฝึกคิดวิเคราะห์อภปรายเพื่อสร้างความเข้าใจเเล้วตัดสินใจเลือกเเนวทางการแก้ปัญหา
|
13.สถานการณ์จำลอง(Simulation)
|
-การแสดงความคิดเห็น
-ความรู้สึก
-การคิดวิเคราะห์
|
ได้ทดลองเเสดงพฤติกรรมต่างๆในสถานการณ์ที่จำลองใกล้เคียงกับสถานการณ์จริง
|
14.ละคร(Dramatization)
|
-ความรับผิดชอบในบทบาท
-การทำงานร่วมกัน
-การวิเคราะห์
|
ได้ทดลองเเสดงบทบาทตาที่กำหนดเกิดประสบการณ์เข้าใจคาวมรู้สึกเหตุผลเเละพฤติกรรมผู้อื่น
|
15.บทบาทสมมติ(Role Playing)
|
-มนุษยสัมพันธ์
-การแก้ปัญหา
-การวิเคราะห์
|
ได้ลองสวมบทบาทต่างๆเเละศึกษาวิเคราะห์ความรู้สึกเเละพฤติกรรมตน
|
16.การเรียนแบบร่วมมือ(Cooperative Learning) ประกอบด้วยเทคนิคJIGSAW,JIGSAW II,TGT STAD,
GI,NHT,Co-op Co-op |
-กระบวนการกลุ่ม
-การสื่อสาร
-ความรับผิดชอบร่วมกัน
-ทักษะทางสังคม
-การแก้ปัญหา
-การคิดแบบหลากหลาย
-การสร้างบรรยากาศในการทำงานร่วมกัน
|
ได้เรียนรู้บทบาทสมาชิกกลุ่ม มีบทบาทหน้าที่ รู้จักการไว้วางใจให้เกียรติเเละรับฟังความคิดเห็นของเพื่อสมาชิกกลุ่ม เเละรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเเละเพื่อๆในกลุ่ม
|
17.การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม(Participatory Learning)
|
-การนำเสนอความคิดเห็นประสบการณ์
-การสื่อสารเเละปฏิสัมพันธ์
-กระบวนการกลุ่ม
|
มีส่วนร่วมในการอภิปรายเเดสงความคิดเห็นหรือปฏิบัติจนได้ข้อสรุป
|
18.การเรียนการสอนเเบบบูรณาการแบบ storyline method
|
-การค้นคว้าหาความรู้
-การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
-ทักษะทางสังคม
-กระบวนการกลุ่ม
-การสื่อสาร
-การแก้ปัญหา
|
มีส่วนร่วมในการเรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจเเละการคิด ดำเนินการเรียนด้วยตนเองทั้งในห้องเรียนเเละสถานการณ์จริง ศึกษาปฏิบัติด้วยตนเองทุกเรื่อง ร่วมเเรงร่วมใจด้วยความเต็มใจ
|
1. การจัดการเรียนรู้แบบจัดกรอบมโนทัศน์ ( Concept Mapping Technique)
เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนนำมโนทัศน์ในเนื้อหาสาระที่ได้เรียนรู้มาจัดระบบ จัดลำดับ และเชื่อมโยงความสัมพันธ์แต่ละมโนทัศน์ที่มีความเกี่ยวข้องกันเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดกรอบมโนทัศน์ขึ้น
วัตถุประสงค์
-เพื่อฝึกให้ผู้เรียนรู้จักสังเกต เปรียบเทียบ สรุปและจำแนกแยกแยะสิ่งต่างๆ จัดเป็นระบบหรือหมวดหมู่ได้อย่างถูกต้อง
-ฝึกให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้า คิดเพื่อให้ได้ความรู้และสามารถสร้างความคิดรวบยอดด้วยตนเอง
-เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างและสรุปความรู้ด้วยการจัดกรอบมโนทัศน์รูปแบบต่างๆ ได้
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
ขั้นตรวจสอบมโนทัศน์พื้นฐาน ผู้สอนตรวจสอบมโนทัศน์พื้นฐานของผู้เรียนเกี่ยวกับเรื่องที่จะให้ผู้เรียนเรียนรู้ ซึ่งอาจทำได้โดยให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหรือตั้งคำถามให้ผู้เรียนตอบ
ขั้นระบุมโนทัศน์พื้นฐานที่ผู้เรียนขาด ซึ่งผู้สอนจะต้องระบุมโนทัศน์พื้นฐานที่ผู้เรียนขาดให้ชัดเจน
ขั้นเสริมมโนทัศน์พื้นฐานให้นักเรียน ในกรณีที่นักเรียนยังขาดมโนทัศน์พื้นฐาน ผู้สอนจะต้องเสริม ซึ่งจะใช้วิธีการอธิบายโดยใช้สื่อต่างๆ ประกอบก็ได้
ขั้นเรียนรู้ ประกอบด้วยขั้นตอนย่อยๆ ดังนี้
1. ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาและระบุมโนทัศน์ที่สำคัญจากบทเรียน ผู้สอนช่วยอธิบายให้ผู้เรียนเข้าใจชัดเจนขึ้น
2. ผู้เรียนจัดลำดับมโนทัศน์จากกว้างไปยังมนโนทัศน์รอง จนกระทั่งถึงมโนทัศน์ที่เฉพาะเจาะจง
3. ผู้เรียนจัดมโนทัศน์ที่สัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน
4. ผู้เรียนเชื่อมโยงมโนทัศน์ต่างๆ เข้าด้วยกัน
5.ขั้นสรุปด้วยกรอบมโนทัศน์ ประกอบด้วย
5.1 เลือกกรอบมโนทัศน์ตัวอย่าง
5.2 ผู้เรียนนำเสนอ
5.3 ผู้เรียนช่วยกันวิจารณ์
5.4 ร่วมกันให้คะแนน
5.5 ผู้สอนเสนอกรอบมโนทัศน์
5.6 ผู้เรียนและผู้สอนช่วยกันสรุป
6. ขั้นการประเมินผล ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันประเมินผลการเรียนรู้
2.การจัดการเรียนรู้แบบซินเนคติกส์ ( Synectics Method)
เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียนและการคิดร่วมกันเป็นกลุ่ม จัดกระบวนการเรียนรู้ตามลำดับขั้นที่กำหนดไว้ โดยอาศัยกระบวนการเปรียบเทียบ จึงจะสามารถเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียนแต่ละคนและของกลุ่มได้
วัตถุประสงค์
-เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานที่แปลกใหม่ เป็นการคิดที่อิสระในหลายๆ วิธี
-เพื่อฝึกความกล้าในการแสดงออก การแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมือนคนอื่น
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
1. ขั้นบรรยายสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้สอนบรรยายถึงสถานการณ์หรือหัวข้อที่น่าสนใจหรือที่ผู้เรียนกำลังสนใจ หลังจากนั้นให้ผู้เรียนทบทวนลักษณะความแตกต่าง ให้ผู้เรียนเห็นถึง ความแปลกใหม่
โดยผู้สอนกระตุ้นด้วยคำถามนำ
2. ขั้นการเปรียบเทียบทางตรง เป็นการเปรียบเทียบระหว่างของสองสิ่งหรือมากกว่า เพื่อให้ผู้เรียนได้มองเห็นปัญหาอีกแนวหนึ่งเพื่อให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ โดยผู้สอนใช้คำถามนำ
3. ขั้นเปรียบเทียบกับตนเอง เป็นการนำตนเองไปเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น ซึ่งผู้เรียนต้องทำตนเหมือนสิ่งที่ต้องการเปรียบเทียบและบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อตนเองเป็นสิ่งนั้น เพื่อให้เกิดความคิดแปลกใหม่ โดยผู้สอนเป็นคนตั้งคำถาม
4. ขั้นการเปรียบเทียบโดยใช้คำคู่ที่ความหมายขัดแย้งกัน โดยนำคำจากการที่ผู้เรียนเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับสิ่งต่างๆ ในขั้นตอนที่ 3 เมื่อผู้เรียนได้เลือกคำที่มีความหมายขัดแย้งกันแล้วผู้สอนให้ผู้เรียนเลือกคำที่มีความหมายขัดแย้งหรือตรงข้ามกันมากที่สุด
5. ขั้นเปรียบเทียบทางตรง โดยผู้สอนย้อนกลับมาใช้วิธีการเปรียบเทียบทางตรงอีกครั้ง โดยใช้คำที่มี่ความหมายขัดแย้งกันที่ผู้เรียนได้เลือกไว้ในข้อ 4 มาเป็นหลัก
6. ขั้นสำรวจงานที่ต้องทำอีกครั้ง ให้ผู้เรียนเปรียบเทียบแล้วผู้สอนนำไปสู่ปัญหาเริ่มแรก ซึ่งผู้สอนจะต้องอธิบายหรือตั้งคำถามนำ
3. การจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ความรู้ ( Constructivism)
เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้สอนจัดสถานการณ์ให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ใหม่ของตนเอง โดยให้ผู้เรียนได้ศึกษา คิด ค้นคว้า ทดลอง ระดมสมอง ศึกษาจากใบความรู้ สื่อหรือแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ซึ่งมักจะมีการเชื่อมโยงความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นกับความรู้เดิมที่ผู้เรียนมีอยู่แล้ว โดยผู้สอนจะเป็นผู้ช่วยเหลือ มีการตรวจสอบความรู้ใหม่ ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการตรวจสอบกันเอง ระหว่างกลุ่ม หรือผู้สอนช่วยเหลือในการตรวจสอบความรู้ใหม่
วัตถุประสงค์
- เพื่อให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยการศึกษาและปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ จากสื่อการเรียนหรือแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
1.ขั้นปฐมนิเทศ
ผู้เรียนสร้างจุดมุ่งหมายและแรงดลใจในการเรียนรู้ในเนื้อหาที่กำหนด
2.ขั้นทำความเข้าใจ
ผู้เรียนปรับแนวคิดปัจจุบันหรือบรรยายความเข้าใจของตนเองในหัวข้อที่กำลังเรียน โดยการทำกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การอภิปรายกลุ่ม เขียนผังความคิด การเขียนสรุปความคิด ฯลฯ
3.ขั้นจัดโครงสร้างแนวคิดใหม่
เป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้ โดยประกอบด้วย
3.1 การช่วยผู้เรียนสร้างสรรค์ความรู้ ความเข้าใจใหม่ โดยผู้สอนช่วยให้ผู้เรียนเกิดความคิดรวบยอดใหม่ หรือสร้างความคิดรวบยอดที่ยังไม่สมบูรณ์ขึ้นใหม่ ผู้สอนจะวินิจฉัยความเข้าใจผิดของผู้เรียน ซึ่งสามารถทำได้โดยการสัมภาษณ์ ซักถามผู้เรียนโดยตรง
3.2 การเขียนแผนผังความคิดรวบยอด โดยผู้เรียนจัดความคิดรวบยอดของคำลงไปในโครงสร้างหรือจัดทำเป็นหมวดหมู่ ระบุความคิดรวบยอดที่ต้องการศึกษาตั้งแต่สองความคิดรวบยอดขึ้นไป สร้างโครงสร้างความรู้ของความคิดรวบยอดเป็นแผนผังความคิดรวบยอด นำความรู้ที่ได้มาอภิปรายร่วมกันเป็นกลุ่มและจัดทำเป็นแผนผังความคิดรวบยอดร่วมกัน
3.3 ตรวจสอบความเข้าใจว่าความคิดรวบยอดได้เกิดการเชื่อมประสานระหว่างกันและจัดระเบียบเป็นโครงสร้างความรู้แล้วหรือยัง
4.ขั้นนำแนวความคิดไปใช้
ในสถานการณ์ต่างๆ ที่หลากหลายทั้งที่คุ้นเคยและแปลกใหม่
5.ขั้นทบทวนหรือเปรียบเทียบความรู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น