การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หรือการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการเรียนรู้มุ่งประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน สนองความแตกต่างระหว่าง บุคคล ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง เรียนรู้อย่างมีความสุข ได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพรอบด้านสมดุล
การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หมายถึงการสอนที่มุ่งจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการดำรงชีวิต เหมาะกับความสามารถและความสนใจของผู้เรียนโดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและลงมือปฏิบัติจริงทุกขั้นตอน จนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
แนวคิด
นักการศึกษาเป็นผู้คิดค้นและใช้คำนี้เป็นครั้งแรก คือ อาร์ โรเจอร์ โดยเชื่อว่าวิธีการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบ โดยส่งเสริมความคิดของผู้เรียนอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนได้พัฒนาศักยภาพสูงสุดของตนเอง โดยมีแนวคิดดังนี้
- ผู้เรียนต้องรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตน
-เนื้อหาวิชามีความสำคัญและมีความหมายต่อการเรียน
-การเรียนรู้จะประสบความสำเร็จ ถ้าผู้เรียนมีส่วนร่วม
-สัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้เรียน การมีปฏิสัมพันธ์
-ครูเป็นมากไปกว่าผู้สอน ครูเป็นทั้งทรัพยากรบุคคล เป็นแหล่งการเรียนรู้ เป็นผู้อำนวยความสะดวก
-ผู้เรียนมีโอกาสเห็นตัวเองในแง่มุมที่แตกต่างจากเดิม
-การศึกษาเป็นการพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียนหลายๆด้าน
-ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการทำงานอย่างเป็นกระบวนการ
-ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้
-การเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางก่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตย
- ผู้เรียนต้องรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตน
-เนื้อหาวิชามีความสำคัญและมีความหมายต่อการเรียน
-การเรียนรู้จะประสบความสำเร็จ ถ้าผู้เรียนมีส่วนร่วม
-สัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้เรียน การมีปฏิสัมพันธ์
-ครูเป็นมากไปกว่าผู้สอน ครูเป็นทั้งทรัพยากรบุคคล เป็นแหล่งการเรียนรู้ เป็นผู้อำนวยความสะดวก
-ผู้เรียนมีโอกาสเห็นตัวเองในแง่มุมที่แตกต่างจากเดิม
-การศึกษาเป็นการพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียนหลายๆด้าน
-ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการทำงานอย่างเป็นกระบวนการ
-ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้
-การเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางก่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตย
9.รูปแบบการเรียนรู้และวิธีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
ในการจัดการเรียนกาสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีรูปแบบการเรียนรู้ วิธีการและการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลายกล่าวคือ
บทบาทสมมุติเป็นรูปแบบการสอนที่มีรากฐานมาจากแนวคิดทางการศึกษาของบุคคลและสังคมที่จะช่วยให้หาลักษณะเฉพาะของตนเองในสังคม และรู้จักแก้ปัญหาด้วยความช่วยเหลือของกลุ่มสังคมยอมรับให้บุคคลทำงานด้วยกันเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ของสังคม กระบวนการของบทบาทสมมุตนำพฤติกรรมง่ายๆของมนุษย์ที่ทำให้ผู้เรียนได้มีโอกาส แสดงความรู้สึก พัฒนาเจตคติ ค่านิยม และการรับรู้ พัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและเจตคติในการแก้ปัญหา และมองสิ่งต่างๆด้วยมุมมองที่หลากหลายเป้าหมายเหล่านนี้สะท้อนสมมุติฐานของบทบาทสมมุติดังนี้
- บทบาทสมมุติสนับสนุนการเรียนรู้โดยใช้ประสบการณ์
- บทบาทสมมุติสามารถทำให้ผู้เรียนแสดงความรู้สึกที่จริงใจ
- อารมณ์และความคิดสามารุจะนำไปสู่ความมีสติและปฏิกิริยาของกลุ่มเพื่อจะนำไปสู่ความคิดใหม่ๆ
- กระบวนการทางจิตวิทยาที่แฝงอยู่จะสร้างความมีสติด้วยการประสานกันของการแสดงและวิเคราะห์
การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลัก เป็นการช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนคิดอย่างเป็นระบบซึ่งเรียกว่าคิดเป็น แก้ปัญหาเป็น ซึ่งเชื่อว่าเป็นวิธีการฝึกคนให้มีการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การเรียนด้วยวิธีปัญหาสมมติเป็นวิธีการพัฒนาหลักสูตรและวิธีการสอนที่เป็นปัญหาเป็นตัวกระตุ้นและเน้นที่กิจกรรมของผู้เรียน ไม่ใช้วิธีการเรียนการแก้ปัญหาโดยเพิ่มเข้าไปในหลักสูตรเดิมอย่างง่ายๆแต่เป็นวิธีจัดหลักสูตรให้มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น
เนื้อหาในสวนนี้มุ่งทบทวนวิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือกันในชั้นเรียนปกติ ซึ่งรวมถึงนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษด้วย การอภิปรายมุ่งเน้นที่ข้อได้เปรียบของโครงสร้างเป้าประสงค์ในการร่วมมือกัน รูปแบบของการเรียนรู้แบบร่วมมือกันตลอดจนตรรกะของการเรียนรู้แบบร่วมมือกันโครงสร้างของสิ่งจูงใจที่มีประสิทธิภาพละปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการนำไปใช้
การเรียนแบบร่วมมือกันมีหลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่นิยมใช้กันมากในประเทศสหรัฐอเมริกามี 7 รูปแบบ คือ
แบบรวมหัวกันคิด เมื่อครูต้องการสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียนในเรื่องที่ครูสอนไปแล้วตามวิธีการแบบดั้งเดิมครูจะใช้วิธีเรียกชื่อนักเรียนตอบคำถามทีละคน หรือนักเรียนยกมือเพื่อตอบคำถามแล้วคนที่เรียกนักเรียนคนใดคนหนึ่งให้ตอบคำถาม จุดอ่อนของวิธีดังกล่าวคือ จะมีนักเรียนฟังไม่กี่คนในห้องที่จะได้ตอบคำถาม นักเรียนส่วนใหญ่ที่ไม่มีโอกาสตอบคำถามที่จะเกิดความรู้สึกผิดหวัง ไม่มีส่วนร่วมเป็นสามเหตุ
แบบร่วมมือกัน การเรียนรู้แบบร่วมมือกัน เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มขนาดเล็กได้ทำงานร่วมกันมากที่สุด โดยเอาความรึความเข้าใจสมาชิกของกลุ่มบูรณาการเป็นผลงานของกลุ่ม และนำผลงานหรือประสบการณ์ที่ได้นำเสนอต่อสมาชิกในชั้นเรียน เพื่อให้สมาชิกคนอื่นๆได้รับความรู้และประสบการณ์ที่กลุ่มไปศึกษานั้นด้วย
แบบประสานความรู้ การเรียนในลักษณะประสานความรู้ เริ่มต้นโดยการแบ่งนักเรียนในชั้นเรียนออกเป็นกลุ่มย่อยครูให้หัวข้อหรือปัญหาแล้วแบ่งหัวข้อให้สมาชิกและคนไปศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ด้วยวิธีการต่างๆเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ ทั้งนี้เมื่อแต่ละคนได้ความรู้มาแล้วก็จะนำไปร่วมศึกษากับสมาชิกกลุ่มอื่นที่ได้หัวข้อเหมือนตนเอง จนได้ความรู้เพิ่มเติม ครบบริบูรณ์
แบบประชุมโต๊ะกลม เป็นกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน ซึ่งเป็นการฝึกให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นด้วยการเขียนลงบนกระดาษจากปัญหาเดียวกัน เหมาะกับนักเรียนที่เขียนหนังสือได้
หมวกหกใบ เป็นตัวแทนของการคิดหกลักษณะ และเป็นทิศทางที่นำไปสู่การคิดมากกว่าที่จะให้ชื่อว่าเป็นความคิด นั่นคือ เป็นหมวกที่ใช้ในเชิงรุกมากกว่าที่จะใช้ในเชิงรับ(ตอบสนอง)
จุดประสงค์สำคัญ คือว่า หมวกแต่ละใบจะเป็นทิศทางในการคิด มากกว่าที่จะเป็นต้นความคิด เหตุผลทางทฤษฎีที่สำคัญในการใช้การคิดแบบหมวกหกใบ คือ
- ส่งเสริมความคิดแบบคู่ขนาน
- ส่งเสริมการคิดที่เต็มรูปแบบ
- แยกตัวเองออกจากการปฏิบัติ
"ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน" เป็นผู้ริเริ่มแนวความคิดเรื่อง Lateral Thinking (การคิดนอกกรอบ) และเป็นคนพัฒนาเทคนิคการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และได้พัฒนาเป็นแนวคิดที่เรียกว่า "Six Thinking Hats" ซึ่งเป็นวิธีคิดที่มีมุมมองแบบ "รอบด้าน" ความคิดสร้างสรรค์ถือเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นสำหรับผู้บริหาร เพื่อช่วยจัดระเบียบการคิด ทำให้การคิดมี ประสิทธิภาพมากขึ้น
Six Thinking Hats สูตรบริหารความคิดของ "เดอ โบโน" จะประกอบด้วยหมวก 6 ใบ 6 สี คือ
White Hat หมวกสีขาว สีขาวเป็นสีที่ชี้ให้เห็นถึงความเป็นกลาง จึงเกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง จำนวนตัวเลข เมื่อสวมหมวกสีนี้ หมายความว่าที่ประชุมต้องการข้อเท็จจริงเท่านั้น คือ ข้อมูลเบื้องต้นของสิ่งนั้นๆ ไม่ต้องการความคิดเห็น
Red Hat หมวกสีแดง สีแดงเป็นสีที่แสดงถึงอารมณ์และความรู้สึก เมื่อสวมหมวกสีนี้ เราสามารถบอกความรู้สึกของตนเองว่าชอบ ไม่ชอบ ดี ไม่ดี ซึ่งส่วนใหญ่การแสดงอารมณ์จะไม่มีเหตุผลประกอบ
Black Hat หมวกสีดำ สีดำ เป็นสีที่แสดงถึงความโศกเศร้า และการปฏิเสธ เมื่อสวมหมวกสีนี้ ต้องพูดถึงจุดด้อย อุปสรรคโดยมีเหตุผลประกอบ ข้อที่ควรคำนึงถึง เช่น เราควรทำสิ่งนี้หรือไม่ ไม่ควรทำสิ่งนี้หรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ ทำให้การคิดมีความรอบคอบมากขึ้น
Yellow Hat หมวกสีเหลือง สีเหลือง คือสีของแสงแดด และความสว่างสดใส เมื่อสวมหมวกสีนี้ หมายถึง การคิดถึงจุดเด่น โอกาส สิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลในเชิงบวก เป็นการเปิดโอกาสให้พัฒนา สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
Green Hat หมวกสีเขียว สีเขียว เป็นสีที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ และการเจริญเติบโต เมื่อสวมหมวกสีนี้ จะแสดงความคิดใหม่ๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น การคิดอย่างสร้างสรรค์
Blue Hat หมวกสีน้ำเงิน สีน้ำเงินเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสงบ จะเป็นเหมือนท้องฟ้า หมวกนี้เกี่ยวกับการควบคุม การบริหารกระบวนการคิด หรือการจัดระเบียบการคิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น